เควิน เดอ บรอยน์ เล่าถึงประสบการณ์ความแค้น จนประสบความสำเร็จ

มิดฟิลด์เพลเมกเกอร์ ที่ดีที่สุดในโลก คำนี้คงไม่เกินไป ถ้าหากเขาคนนั้นชื่อว่า เควิน เดอบรอย

ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเกม การแอสซิส จ่ายบอลแทงทะลุช่อง หรือจะหาพื้นที่ในการทำประตู เขาผู้นี้มีครบทุกอย่าง

นี่แหละ กองกลางตัวรุกที่ถูกต้อง แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก และพลิกชีวิตเขา ด้วยเหตุการๆ หนึ่ง

นั่นก็คือการเปลี่ยนความแค้น ให้กลายเป็นความสำเร็จ ซึ่งคำนี้ หากใช้ในทางที่ถูก ก็สามารถทำให้คนประสบความสำเร็จ มาหลายต่อหลายคนแล้ว

ซึ่งเหตุการณ์นี้ ย้อนกลับไป เมื่อเขาอายุ 14 ปี เขาตัดสินใจย้ายออกจากบ้าน เพื่อไปร่วมชุดเยาวชน กับทีม เกงค์ ในลีกเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นอีกฝากของประเทศ

เขาได้รับการอุปถัมภ์จากครอบครัว ครอบครัวหนึ่ง ทุกอย่างทำเหมือนว่าจะไปได้ดี ในทางที่เข้าเลือกตัดสินใจมา

แต่ พอเริ่มเข้าปีที่สอง กับเกงค์ มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เขาได้กลับมายังบ้านเกิด และเมื่อเขามาถึง เขาก็ตกใจทันที เมื่อเห็นแม่ของเขา กำลังนั่งร้องไห้

แม่บอกว่า “‘พวกเขาไม่อยากให้ลูกกลับไป ครอบครัวผู้อุปถัมภ์ ไม่อยากให้ลูกอยู่ที่นั่นแล้ว’”

“ผมถามกลับไปว่า ‘อะไร? ทำไมเหรอ?’ แม่ตอบว่า ‘เป็นเพราะตัวตนที่ลูกเป็น พวกเขาบอกว่าลูกเงียบเกินไป พวกเขาไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับลูก พวกเขาบอกว่าลูกเป็นคนหัวดื้อ

“ผมถึงกับอึ้งไปเลย มันเป็นเรื่องใหญ่มากในอาชีพค้าแข้ง เป็นเพราะผมไม่ใช่นักเตะชื่อดังหรือยังไง ผู้อุปถัมภ์ จึงเหมาเอาเองว่าผมคือตัวปัญหา”

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เดอ บรอยน์ประกาศทันทีว่า เขาจะพัฒนาตัวเองจนติดทีมชุดใหญ่ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีให้ได้ ภายในเวลา 2 เดือน และเขาก็ทำสำเร็จ

ก่อนที่ต่อมา จะกลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีมชุดใหญ่ และพาเกงค์ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ ในฤดูกาล 2010 – 2011

หลังจากประสบความสำเร็จได้ เควิน เดอบรอย ได้เล่าต่ออีกว่า

“มีอยู่วันหนึ่ง ครอบครัวที่เคยอุปถัมภ์ผม เดินทางมาที่สโมสร และผู้หญิงคนนั้นเดินมาคุยกับผม ทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด

“ผมเลยบอกไปว่า ‘ไม่ใช่เลย คุณโยนผมทิ้งเหมือนเป็นขยะ ตอนนี้ชีวิตผมกำลังไปได้สวย และคุณอยากให้ผมกลับไปเหรอ?’

“ท้ายที่สุด ผมควรตอบกลับไปแค่คำว่า ‘ขอบคุณ’ ประสบการณ์นั้น ช่วยเติมเชื้อไฟ ให้กับอาชีพของผมได้เป็นอย่างดี”

เห็นไหมครับว่า ความแค้น หากเราสามารถคอนโทลมันได้ นี่แหละเชื้อไฟอย่างดี ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ

เป็นยังไงกันบ้างครับ หวังว่าคลิปนี้ อาจจะเป็นแรงบัลดาลใจให้กับใครได้บ้าง

และนี่ครับ ฟุตบอล ที่เป็นมากกว่าฟุตบอล มันมีเรื่องราวมากมาย ที่อยู่เบื้องหลัง